วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

วันลอยกระทง

วันลอยกระทง
เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย ตามปฏิทินจันทรคติล้านนา "มักจะ" ตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายน ตามปฏิทินสุริยคติ ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทงได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณ ที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป
ในวันลอยกระทง ผู้คนจะพากันทำ "กระทง" จากวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตบแต่งเป็นรูปคล้าย
ดอกบัวบาน ปักธูปเทียน และนิยมตัดเล็บ เส้นผม หรือใส่เหรียญกษาปณ์ลงไปในกระทง แล้วนำไปลอยในสายน้ำ (ในพื้นที่ติดทะเล ก็นิยมลอยกระทงริมฝั่งทะเล) เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ไป นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการลอยกระทง เป็นการบูชาพระแม่คงคาด้วย

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

แม่เหล็ก


แม่เหล็ก
แม่เหล็กมีคุณสมบัติเฉพาะตัว
มี 2 ชนิด คือ ขั้วเหนือ (N) และ ขั้วใต้ (S)

แม่เหล็ก (Magnet) เป็นสารประกอบออกไซด์ของเหล็ก เรียกว่า แมกนีไทต์ (Fe3O4) แม่เหล็กมี 2 ขั้ว คือ แม่เหล็กขั้วเหนือ (N) และ แม่เหล็กขั้วใต้ (S)


แม่เหล็กมีสมบัติต่าง ๆ ดังนี้
1) เมื่อผูกห้อยแม่เหล็กในแนวดิ่ง ปล่อยให้แกว่งหรือหมุนได้อย่างอิสระ เมื่อแม่เหล็กหยุดนิ่งจะวางตัวอยู่ในแนวทิศเหนือและทิศใต้เสมอ

2) แม่เหล็กสามารถออกแรงกระทำต่อวัตถุหรือโลหะที่เป็น
สารแม่เหล็ก และ แม่เหล็กสามารถออกแรงกระทำต่อ แม่เหล็กอีกอันหนึ่งได้แม่เหล็กขั้วเดียวกันจะผลักกัน ถ้าขั้วต่างกันจะดูดเข้าหากัน

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

น้ำตกเหวนรก



น้ำตกเหวนรก จังหวัดนครนายก
น้ำตกเหวนรก ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทางด้านอำเภอ ปากพลี จังหวัดนครนายก เป็นน้ำตกขนาด ใหญ่ที่สุดของภาคกลางเลยก็ว่าได้ ด้วยสภาพผืนป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นแหล่งต้น น้ำลำธารของคลองสมอปูนและสายธารเล็ก ๆ อีกหลายสาย ไหลมารวมเป็นธารน้ำตกเหวนรก ซึ่งไหลตกลงจากผา สูงดิ่งชันราว 90 องศา เป็น 3 ชั้นใหญ่ ๆ ด้วยกัน โดยชั้นแรกมีความสูงราว 60 เมตร และไหลลงไปสู่ผาน้ำตกชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 มีความสูงรวมกันกว่า 100 เมตร ตกลงสู่หุบธารที่ขนาบด้วยผาสูงชันรูปตัว V ความสูงชัน ของผาน้ำตกกับปริมาณของน้ำมากมายมหาศาล ทำให้สายน้ำไหลตกลงกระทบแผ่นผาเบื้องล่าง เกิดเสียงดังสนั่น ก้องไปทั้งหุบเขา และเกิดละอองไอลอยคลุมไปทั่วบริเวณนั้น ดูลึกลับน่าเกรงขาม จนผู้คนขนานนามว่า "น้ำตกเหวนรก"
นอกจากน้ำตกเหวนรกแล้ว บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ยังมีน้ำตกสวยงามอีกหลายแห่งให้เที่ยวชมกัน เช่น น้ำตกเหวสุวัต ซึ่งตั้งอยู่สุดถนนธนะรัชต์ น้ำตกผากล้วยไม้ น้ำตกเหวไทร และน้ำตกเหวประทุน เป็นต้น

กุหลาบ




กุหลาบเป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกไว้ชื่นชมมาแต่โบราณ ประมาณกันว่ากุหลาบเกิดขึ้นเมื่อกว่า 70 ล้านปีมาแล้ว เคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบใน รัฐโคโลราโด และ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้พิสูจน์ว่ากุหลาบป่าเป็นพืชที่มีอายุถึง 40 ล้านปี แต่กุหลาบป่าสมัยโลกล้านปีนี้ มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกุหลาบสมัยนี้ เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์ ขยายพันธุ์เป็นพันธุ์ต่างๆ มากมาย

ความจริงแล้วกำเนิดของกุหลาบหรือกุหลาบป่านี้มีเฉพาะในแถบบริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตรของโลกเท่านั้น คือกำเนิดในภาคกลางของทวีปเอเชีย แล้วแพร่ขยายพันธุ์ไปตลอดซีกโลกเหนือ ไม่ว่าจะเป็นแถบที่มีอากาศหนาวจัดอย่าง อาร์กติก อลาสก้า ไซบีเรีย หรือแถบอากาศร้อนอย่าง อินเดีย แอฟริกาเหนือ แต่ในบริเวณแถบใต้เส้นศูนย์สูตรอย่างทวีปออสเตรเลีย หรือเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรรวมทั้งแอฟริกาใต้ ไม่เคยมีปรากฏว่ามีกุหลาบป่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเลย

ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า กุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวังของจักรพรรด์จีน ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอก ส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน ชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมากถึงจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์แล้ว ยังลงทุนสร้างเนอร์สเซอรี่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วย สำหรับชาวโรมันแล้วเรียกได้ว่าดอกกุหลาบมีความสำคัญกับชีวิตประจำวัน เพราะชาวโรมันถือว่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ซึ่งเป็นทั้งของขวัญ เป็นดอกไม้สำหรับทำเป็นมาลัยต้อนรับแขก เป็นดอกไม้สำหรับงานเฉลิมฉลองต่างๆ ใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ ส่วนน้ำมันกุหลาบยังใช้ทำเป็นยาได้อีกด้วย

กุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความโรแมนติก ซึ่งมีบางตำนานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงาม และความรัก วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์ ในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ อคอนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเอง แต่บางตำนานก็เล่าว่าดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของ อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม

ลากับจิ้งหรีด





มีลาตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง
วันหนึ่งมันได้ยินเสียงจิ้งหรีดกำลังร้องอยู่ เสียงไพเราะมาก มันจึงเข้าไปถามจิ้งหรีดว่า " เจ้ากินอะไรเสียงจึงไพเราะเช่นนี้"
จิ้งหรีดตอบว่า " ข้ากินน้ำค้างทุกวัน"
ลาได้ยินเช่นนั้นจึงเลิกกินหญ้าแล้วหันมากินน้ำค้างทุกวัน ไม่นานเจ้าลาก็เริ่มผอมลงจนตายในที่สุด


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
" จะทำอะไรควรคิดให้รอบคอบเสียก่อน"

เจ้าด่างหมาดี




เจ้าด่างมันเป็นหมาไทย มันมีห้าขา ฉลาดและแสนรู้ ใครเห็นมันเป็นต้องมองด้วยความชอบใจ เจ้าของรักมันมาก เมื่อเจ้าของมันทำไร่มันก็ไปนอนเฝ้า เวลาเห็นใครเดินผ่านมามันก็เห่า พอใกล้เที่ยงมันก็รีบวิ่งไปนำอาหารมาให้เจ้าของมัน
วันหนึ่งเจ้าด่างเดินนำทางเจ้าของมันเข้าไปในป่า มันพาเจ้าของมันเดินไปตามห้วยหนองคลองบึง เที่ยวหาเครื่องยาได้มากมายเพื่อจะนำมาขาย

เสร็จจากนั้นก็เดินทางกลับบ้าน พอพ้นชายป่าก็ต้องตกใจ เห็นยักษ์ตนหนึ่งยืนอย่ตรงหน้า หน้าตาน่ากลัวท่าทางใจร้าย ยักษ์ตนนั้นถลึงตาใส่ อ้าปากแลบลิ้น ด้วยหวังจะกินพวกเขา จะหาทางหนีก็หนีไม่ได้เจ้ายักษ์จับตัวเจ้าของไว้ได้
หลังจากนั้นเจ้ายักษ์ก็วิ่งไล่จับเจ้าด่างทันที เจ้าด่างวิ่งหนีหลบเข้าพุ่มไม้ยักษ์มองไม่เห็นก็เลยเลิกสนใจ
พอยักษ์เดินทางห่างออกไป เจ้าด่างก็แอบเดินตามไป เห็นเจ้านายถูกจับคุมขังไว้